อาชีพเกษตรกรรมในปัจจุบันพบกับปัญหาต่าง ๆ ทั้งราคาผลผลิตตกต่ำ ปัญหาดิน หรือปัญหาน้ำ แต่ ตำบลจอมปลวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม สามารถผ่านพ้นปัญหาดังกล่าวไปได้ โดยในปี พ.ศ. 2554 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ได้เข้ามาให้บริการด้านวิชาการ และทำการวิจัยถึงปัญหาของชุมชน เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย ให้มีความรู้เพื่อนำไปประกอบอาชีพ และดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ตามปรัชญาของมหาวิทยาลัยฯ คือ “มหาวิทยาลัยคุณภาพชั้นนำ เพื่อปวงชน” ที่มุ่งมั่นสร้างสังคมที่มีคุณภาพ ซึ่งไม่ได้จำกัดเพียงแค่ในรั้วของมหาวิทยาลัยฯ เท่านั้น แต่ได้นำความรู้ วิทยาการเทคโนโลยีเข้าสู่ชุมชนอีกด้วย

ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2555 จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของ “ศูนย์การเรียนรู้ วิจัย บริการวิชาการ และถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรม สู่ชุมชน ตำบลจอมปลวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม” หรือ ที่ชาวบ้านต่างเรียกกันว่า ศูนย์การเรียนรู้วิจัยบริการวิชาการบ้านสารภี พื้นที่ให้ความรู้ที่นำนวัตกรรมจากองค์ความรู้มาผสมผสานให้เกิดประโยชน์กับการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งโดยเริ่มแรกนั้นมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ได้เข้ามาบริการวิชาการและทำการวิจัยในสิ่งที่ชุมชนต้องการ โดยเริ่มต้นจากการทำกิจกรรมสำรวจปัญหาและความต้องการในระดับหมู่บ้าน ขยายไปสู่ระดับตำบล และสู่ระดับจังหวัด และการที่จะขยายองค์ความรู้ไปสู่ชุมชนอื่นๆ นั้นจะทำได้อย่างไร? นี่เป็นประเด็นคำถามหนึ่งที่เกิดขึ้น คุณสุชลได้ให้ความเห็นว่า “เราจะทำอย่างไรให้คนในชุมชนได้ความรู้อย่างแท้จริง? เราต้องเริ่มจากกลุ่มคนที่มีความเชื่อเหมือนกับเรา เชื่อในความเป็นไปได้ และจากนั้นก็ขยายไปสู่กลุ่มคนที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และผลที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เราทำนี่แหละที่จะทำให้กลุ่มคนที่ไม่เชื่อทั้งหมดนั้นหันกลับมาสนใจเราได้”

มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และชุมชนบ้านสารภี โดยมีคุณสุชล  สุขเกษม (ผู้จัดการศูนย์การเรียนรู้ฯ) เป็นผู้นำให้แก่ชาวบ้านในชุมชน ร่วมกันสำรวจปัญหา คิดค้นนวัตกรรม คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยเข้ามาให้ความรู้ในศาสตร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการสร้างและใช้เทคโนโลยีจากพลังงานทดแทน, การดูแลสุขภาพเบื้องต้น, การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องการดำรงชีวิตด้วยวิถีความพอเพียง เพื่อการประยุกต์ใช้ที่เหมาะสมกับตนเองและสังคมให้แก่ชาวบ้าน ทำให้ปัจจุบันศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ มีฐานความรู้จำนวนทั้งสิ้น 52 ฐานความรู้ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 หมวด คือ สุขภาพชุมชน /พลังงานทดแทน /เศรษฐกิจพอเพียง และการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร